ตัวเรือน 9K 14K 18K ต่างกันยังไง? เลือกแบบไหนดีสำหรับแหวนเพชร

ตัวเรือน 9K 14K 18K ต่างกันยังไง? เลือกแบบไหนดีสำหรับแหวนเพชร

เคยสงสัยไหมคะว่าทำไมแหวนเพชรบางวงถึงราคาไม่เท่ากัน ทั้งที่เพชรสเปคใกล้เคียงกัน? บางทีคำตอบอาจอยู่ที่ ‘ตัวเรือนทอง’ นี่แหละค่ะ 

     เวลาซื้อแหวนเพชร นอกจากต้องเลือกเพชรที่สวย และเหมาะกับเราแล้ว “การเลือกตัวเรือน” ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันค่ะ เพราะตัวเรือนจะทำหน้าที่ “ขับเพชร” ให้ดูสว่างและเล่นไฟ สะท้อนบุคลิกและสไตล์ของเจ้าของแหวนได้อย่างชัดเจน ไม่เพียงเท่านั้น ยังส่งผลต่อความทนทาน อายุการใช้งาน รวมถึงงบประมาณที่คุณวางไว้ด้วย

     ที่ NEO JEWELRY เรามีตัวเรือนทองให้เลือกถึง 3 แบบ 9K, 14K และ 18K แต่ละแบบก็มีสัดส่วนทองคำแท้และโลหะผสมที่แตกต่างกัน ส่งผลให้มีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแข็งแรง ความหรูหรา ความทนทานต่อการใช้งาน รวมถึงราคาที่แตกต่างกัน

การเลือกตัวเรือนจึงไม่ใช่เพียงการเลือก “สีทอง” ที่ชอบเท่านั้น แต่ควรพิจารณาทั้ง ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ความทนที่ต้องการ และงบประมาณ เพื่อให้แหวนเพชรของคุณออกมาสวยงาม ใช้งานได้นานมากขึ้น และคุ้มค่ามากที่สุด

วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่า ตัวเรือนทอง 9K, 14K และ 18K แตกต่างกันอย่างไร แบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ

  ตัวเรือนทอง 9K แข็งที่สุด ราคาคุ้มที่สุด เป็นที่นิยมมากที่สุด

ทอง 9K คือทองคำที่มีส่วนผสมของทองคำบริสุทธิ์ 37.5% ประมาณ 9 ส่วนจากทอง 24 ส่วน (ซึ่งถือเป็นทองคำบริสุทธิ์ 100%) ส่วนที่เหลือ 62.5% จะเป็นโลหะอื่น ๆ เช่น เงิน ทองแดง สังกะสี นิกเกิล หรือพาลาเดียม โลหะพวกนี้ถูกเติมเข้าไปเพื่อทำให้ทองมีความแข็งแรงมากขึ้น ทนต่อรอยขีดข่วน ไม่อ่อนนิ่มเกินไปเหมือนทองบริสุทธิ์ที่เนื้อค่อนข้างนิ่ม

จุดเด่นของทอง 9K

  1. แข็งสุดในบรรดาทอง 9K / 14K / 18K
    ด้วยสัดส่วนทองคำบริสุทธิ์เพียง 37.5% ทำให้เนื้อทอง 9K แข็งกว่าทองเปอร์เซ็นต์สูง เนื้อไม่อ่อนนิ่มจนบุบง่าย ทนต่อแรงกระแทก รอยขีดข่วน และการใช้งานหนักได้ดี เหมาะมากสำหรับคนที่ใส่แหวนหรือเครื่องประดับติดนิ้วติดมือทุกวัน
  2. ราคาคุ้มค่า
    ทอง 9K เป็นตัวเลือกที่ประหยัดที่สุดเมื่อเทียบกับ 14K และ 18K คุณสามารถนำเงินที่เหลือไปเพิ่มคุณภาพหรือขนาดเพชรได้ เช่น แทนที่จะซื้อทอง 18K กับเพชรเม็ดเล็ก เปลี่ยนเป็นเลือกตัวเรือนทอง 9K แล้วได้เพชรเม็ดใหญ่ขึ้นหรือคุณภาพสูงขึ้น ถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับคนที่ต้องการทั้งความสวยงามและความคุ้มค่า
  3. โทนสีสวย ดูมินิมอล โมเดิร์น
  • Yellow Gold (ทองเหลือง) โทนกลางๆ ไม่เหลืองจัดจนดูโบราณ เหมาะกับคนที่ชอบความคลาสสิกแบบไม่ตกยุค
  • Rose Gold (ทองชมพู)  โทนชมพูชัดเจน สีดูอ่อนหวาน โรแมนติก เหมาะกับคนผิวสองสีหรือผิวโทนอุ่น เพราะจะช่วยขับผิวให้ดูสวยขึ้น
  • White Gold (ทองขาว)  ชุบโรเดียมเพิ่มความขาวสว่างและความเงา เหมาะกับลุคโมเดิร์น มินิมอล และเป็นสีที่แมทช์กับเพชรได้ดีที่สุด

งานดีไซน์ที่เหมาะกับทอง 9K

  • Prong / หนามเตย ความแข็งของทอง 9K จะทำให้ตัวเรือนที่เป็นหนามเตยจับเพชรได้มั่นคง ไม่บิดงอ หรือหลุดง่าย เหมาะกับเพชรเม็ดเล็กและเม็ดกลาง
  • Micro Pavé งานฝังเพชรเล็กถี่ ๆ เรียงกัน เนื้อทองแข็งทำให้เพชรยึดแน่น ไม่หลุดง่าย ให้ประกายละเอียด ดูหรูหรา
  • Bezel Setting / ฝังหุ้ม  เนื้อทองแข็งช่วยปกป้องขอบเพชรได้ดี เหมาะกับคนที่กลัวเพชรบิ่นหรือต้องใส่ทำกิจกรรมบ่อย ๆ

ทอง 9K เหมาะกับใคร

  • คนที่มีไลฟ์สไตล์แอคทีฟ  สามารถใส่ทำงาน ใส่ออกกำลังกาย หรือใส่ในชีวิตประจำวันได้โดยไม่ต้องกลัวบุบง่าย
  • คู่รักที่ต้องการประหยัดงบ แต่ได้เพชรสวยขึ้น  เพราะงบที่เหลือจากตัวเรือนสามารถเพิ่มไปที่เพชร ทำให้ได้เพชรเม็ดใหญ่กว่า เพชรคุณภาพดีกว่า
  • คนที่ชอบลุคเรียบ เท่ มินิมอล  เพราะสีของทอง 9K โดยเฉพาะโทน White Gold และ Rose Gold จะให้ความรู้สึกทันสมัย เรียบหรู และไม่ดูเยอะเกินไป

 ตัวเรือนทอง 14K  สมดุลระหว่างความหรูหราและความทนทาน

ทอง 14K มีทองคำบริสุทธิ์ 58.5% และอีก 41.5% เป็นโลหะผสม เช่น เงิน ทองแดง สังกะสี หรือพาลาเดียม ช่วยให้ได้เนื้อทองที่ยังคงความสวยงามของทองคำแท้ แต่ไม่อ่อนนิ่มจนเกินไป ถือเป็น “ระดับกลาง” ที่ผสมผสาน ระหว่างความแข็งแรงกับความหรูหราไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว

 จุดเด่นของทอง 14K

1. สมดุลระหว่างแข็งแรงและหรูหรา
แข็งแรงกว่า 18K เพราะมีทองน้อยกว่า ทนต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแบบเบาๆ  แต่ยังมีเปอร์เซ็นต์ทองสูงพอที่จะให้สีทองดูสวย และหรูหรา

2.ราคากลาง ๆ
ไม่แพงเท่า 18K แต่ได้ความพรีเมียมที่มากกว่า 9K เป็นตัวเลือกยอดนิยมในต่างประเทศสำหรับแหวนแต่งงานและแหวนหมั้น เพราะได้ทั้งคุณภาพและความคุ้มค่า

3.สีทองอบอุ่น หรูแบบคลาสสิก
ให้ความรู้สึกหรูหราแบบผู้ใหญ่ แต่ยังทันสมัย ใส่ได้ทุกโอกาส

  • Yellow Gold (ทองเหลือง) เหลืองอ่อนค่อนไปทางกลาง ไม่เหลืองเข้มแบบทอง 18K แต่ก็ไม่จางเกินไป
  • Rose Gold (ทองชมพู)  สีชมพูหวานละมุน ให้ความโรแมนติกที่กำลังดี ไม่ดูเลี่ยนจนเกินไป
  • White Gold (ทองขาว)  ชุบโรเดียมแล้วได้สีขาวไบรท์ คงความเงาได้ประมาณ 12–18 เดือน

งานดีไซน์ที่เหมาะกับทอง 14K

  • Prong / หนามเตย  เหมาะที่จะรองรับเพชรทุกขนาด ทั้งเล็กและใหญ่ มีความแข็งแรงพอสมควร
  • Micro Pavé  งานฝังเพชรเล็กละเอียด ยึดเพชรได้แน่นหนา สวยแบบระยิบระยับ
  • Bezel Setting / ฝังหุ้ม  ป้องกันขอบเพชรบิ่น และเสริมความแข็งแรงของตัวเรือน

ทอง 14K เหมาะกับใคร

  • คนทำงานออฟฟิศ  แข็งแรงพอที่จะใส่ประจำวันแบบเบาๆ แต่ก็ยังดูหรูหราในทุกโอกาส
  • คนที่อยากได้ตัวเรือนสมดุลทั้งความแข็งแรงและความพรีเมียม  ไม่นิ่มเหมือน 18K และไม่ดิบเกินไปเหมือน 9K
  • คนที่อยากได้ความคุ้มค่า  สีทองพรีเมียม แต่ราคาย่อมเยากว่า 18K ทำให้มีงบเหลือไปเลือกเพชรที่สวยขึ้นได้

ตัวเรือนทอง 18K หรูที่สุด ละมุนที่สุด

ทอง 18K มีทองคำบริสุทธิ์ 75% และโลหะผสมอีก 25% เช่น เงิน ทองแดง หรือพาลาเดียม ทำให้ได้สีทองที่ เข้ม ชัด ดูพรีเมียมที่สุดในบรรดาทองทั้ง 3 แบบ แต่ด้วยความที่ทองบริสุทธิ์มีปริมาณสูง เนื้อจึงค่อนข้างนิ่มกว่า 9K และ 14K ทำให้มีโอกาสบุบหรือเป็นรอยง่ายกว่า แต่ก็แลกมากับความสวยหรูที่ยากจะเลียนแบบ

จุดเด่นของทอง 18K

1.สีทองเข้ม หรูหรา
ทอง 18K ให้โทนสีเหลืองเข้ม อบอุ่น และดูหรูที่สุดในบรรดาทองทั้งหมด เหมาะกับคนที่ต้องการความพรีเมียมแบบสุดๆ

2.ความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับงานดีไซน์ซับซ้อน
ด้วยความที่เนื้อทองนิ่ม ช่างสามารถขึ้นงานได้อย่างละเอียด ประณีต ทำดีไซน์ที่ซับซ้อนได้ง่าย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับแหวนที่ต้องการความหรูหราและลวดลายที่โดดเด่น

3.มูลค่าเนื้อทองสูงสุด
เพราะมีทองคำบริสุทธิ์ถึง 75% จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่มองหาเครื่องประดับที่มีคุณค่าในการ สะสมและลงทุน 

4.โทนสีของทอง 18K

  • Yellow Gold (ทองเหลือง) สีเหลืองเข้มชัดที่สุด ให้ความรู้สึกพรีเมียมและคลาสสิกเหนือกาลเวลา
  • Rose Gold (ทองชมพู) สีชมพูละมุน หรูหรา ดูโรแมนติก เหมาะกับคนที่ชอบความหวานแบบแพง ๆ
  • White Gold (ทองขาว)  เมื่อชุบโรเดียมจะได้สีขาวเงา แต่เนื่องจากเนื้อทองนิ่ม อาจหมองเร็วกว่าทอง 9K และ 14K

งานดีไซน์ที่เหมาะกับทอง 18K

  • Prong / หนามเตย  เหมาะกับดีไซน์ที่มีรายละเอียดมาก
  • Micro Pavé  ใช้ฝังเพชรเล็กหลายเม็ดเรียงกันอย่างละเอียด ให้ความระยิบระยับหรูหรา
  • Bezel Setting / ฝังหุ้ม ช่วยป้องกันขอบเพชรบิ่น ทำให้เพชรดูเด่นขึ้น เหมาะกับงานที่ต้องการความหรูเต็มขั้น

ทอง 18K เหมาะกับใคร

  • คนที่ต้องการลุคหรู ดูพรีเมียม  เหมาะสำหรับงานแต่ง แหวนหมั้น หรือเครื่องประดับที่ใส่ในโอกาสพิเศษ
  • เพชรเม็ดใหญ่ / ดีไซน์ซับซ้อน  เพราะเนื้อทองนิ่ม ทำให้ช่างขึ้นงานละเอียด ประณีต และหรูหราได้ง่าย
  • คนที่มองเรื่องมูลค่า  ทอง 18K มีเปอร์เซ็นต์ทองสูง จึงมีคุณค่าทางการลงทุนและสะสม


สุดท้ายแล้ว การเลือกตัวเรือนทองไม่มีกฎตายตัวค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าคุณให้ความสำคัญกับเรื่องไหนมากที่สุด ความแข็งแรง ความคุ้มค่า หรือความหรูหรา เพราะทองแต่ละแบบไม่ว่าจะเป็น 9K, 14K หรือ 18K ก็มีเสน่ห์และคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป เลือกแบบที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณ แค่นี้ก็ทำให้แหวนเพชรของคุณเป็นของชิ้นพิเศษที่ใช้งานได้ยาวนานและเต็มไปด้วยความหมายแล้วค่ะ