เพชรแล็บ GIA ปรับใบเซอร์ใหม่ ไม่ใช้ 4Cs อีกต่อไป

เพชรแล็บ

เพชรจากแล็บ หรือ Lab Grown Diamond กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่ผู้บริโภคยุคใหม่ ไม่เพียงเพราะความสวยงามเหมือนเพชรธรรมชาติ แต่ยังเป็นเพราะราคาคุ้มค่าและรักโลก

 

ล่าสุด สถาบันอัญมณีศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา GIA (Gemological Institute of America) ซึ่งเป็นผู้ให้ใบเซอร์เพชรระดับโลก ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงสำคัญในรูปแบบการอธิบายคุณภาพของเพชรแล็บ โดยยกเลิกการใช้ระบบ 4Cs แบบเดิม และแทนที่ด้วยคำพรรณนาเชิงคุณภาพใหม่ที่เข้าใจง่ายกว่าเดิม

 

 GIA เปลี่ยนวิธีประเมิน เพชรจากแล็บ จาก 4Cs สู่คำพรรณนา

จากเดิม GIA ใช้ระบบ 4Cs

4Cs คือระบบมาตรฐานสากลของ GIA ที่ใช้วัดคุณภาพเพชร ประกอบด้วย

1. Carat (กะรัต)

น้ำหนักของเพชร ยิ่งกะรัตมาก ขนาดใหญ่และราคาสูงขึ้นตามน้ำหนัก

2. Color (สี)

ระดับสีตั้งแต่ D (ไร้สี) ถึง Z (มีสีเหลือง) ยิ่งขาวใส ราคายิ่งแพง

3. Clarity (ความสะอาด)

วัดตำหนิภายในและภายนอกของเพชร ตั้งแต่ FL (ไร้ตำหนิ) ถึง I3 (มีตำหนิชัด)
ระดับ VS-VVS มักมองไม่เห็นตำหนิด้วยตาเปล่าและคุ้มค่าสำหรับผู้ซื้อส่วนใหญ่

4. Cut (การเจียระไน)

บอกถึงความเปล่งประกายและไฟของเพชร มากกว่าแค่รูปร่าง
Cut ดีช่วยให้เพชรสวยโดดเด่น แม้ขนาดไม่ใหญ่ที่สุด

เมื่อก่อน GIA ใช้เกณฑ์นี้ประเมินทั้งเพชรธรรมชาติและ เพชรจากแล็บ แต่ในความเป็นจริง เพชรแล็บมักมีคุณสมบัติเฉพาะตัว เช่น สีขาวใสระดับ D-F และความใสระดับ VVS-VS ซึ่งทำให้การให้เกรดแบบละเอียดในระบบเดิมไม่สามารถสะท้อนความแตกต่างได้ชัดเจน

ด้วยเหตุนี้ GIA จึงเปลี่ยนมาใช้คำอธิบายคุณภาพแบบใหม่ คือ

  • Premium (คุณภาพสูง)
  • Standard (คุณภาพมาตรฐาน)

คำอธิบายแบบใหม่นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้ผู้บริโภคมองเห็นภาพรวมของคุณภาพเพชรได้ในทันทีโดยไม่ต้องอาศัยความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับระบบเกรดแบบเดิม และยังช่วยลดความสับสนในการเปรียบเทียบระหว่างเพชรธรรมชาติกับเพชรจากแล็บอีกด้วย

 

เปลี่ยนคำอธิบาย เพชรแล็บ แต่ความโปร่งใสยังเหมือนเดิม

แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงวิธีให้ข้อมูลของ เพชรแล็บ แต่ GIA ยังคงรักษาหลักการสำคัญในการตรวจสอบและให้ข้อมูลอย่างโปร่งใส ผู้บริโภคสามารถวางใจได้ว่าเพชรแต่ละเม็ดที่ได้รับการรับรองจาก GIA จะมีข้อมูลครบถ้วนและตรวจสอบได้เหมือนเช่นเคย โดยรายงานของเพชรแล็บ จาก GIA จะประกอบด้วย

  • หมายเลขใบรับรองเฉพาะเม็ด ที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้
  • การสลักคำว่า “LABORATORY-GROWN” อย่างชัดเจนบนขอบเพชร เพื่อยืนยันว่าเป็นเพชรจากแล็บ
  • การระบุวิธีการผลิต เช่น CVD (Chemical Vapor Deposition) หรือ HPHT (High Pressure High Temperature)

ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า แม้ระบบการให้เกรดจะเปลี่ยนไป แต่ความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสของ GIA ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

 

ถึงลูกค้าเพชรแล็บ ของ NEO  JEWELRY

สำหรับลูกค้าของ NEO JEWELRY การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ถือเป็นข่าวดี เพราะช่วยให้กระบวนการเลือกซื้อ เพชรแล็บ เป็นเรื่องง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องเข้าใจศัพท์เทคนิคซับซ้อนหรือเปรียบเทียบเกรดที่ต่างกันเพียงเล็กน้อยอีกต่อไป สิ่งที่ลูกค้าควรให้ความสำคัญ คือความเหมาะสมของเพชรกับงบประมาณ ความชอบส่วนตัว และโอกาสที่ต้องการใช้งาน

ที่ NEO JEWELRY เรามุ่งมั่นในการคัดเลือก เพชรแล็บ คุณภาพสูงที่ผ่านการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ อย่าง GIA และ IGI  เราพร้อมให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างเพชรธรรมชาติและเพชรจากแล็บ เพื่อให้ลูกค้าได้ตัดสินใจอย่างมีข้อมูล สนุกกับการเลือก และรู้สึกภูมิใจกับเครื่องประดับชิ้นพิเศษของตนเอง

 

สรุป

GIA ได้เปลี่ยนวิธีการประเมินคุณภาพเพชรแล็บ จากระบบเกรด 4Cs แบบเดิม (มาเป็นการใช้คำพรรณนาเชิงคุณภาพ เช่น Premium, Standard แทน เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจและเปรียบเทียบสำหรับผู้บริโภค โดยยังคงรักษาความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการให้ข้อมูลอย่างครบถ้วนเหมือนเดิม

หากคุณกำลังมองหา เพชรแล็บ สำหรับแหวนหมั้น แหวนแต่งงาน หรือของขวัญชิ้นพิเศษ  NEO JEWELRY พร้อมให้คำปรึกษาในทุกขั้นตอน เพื่อให้คุณได้เพชรที่สวย คุ้มค่า และมีความหมายที่สุดสำหรับคุณ

เพราะเพชรที่ใช่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเกรดบนกระดาษเท่านั้น แต่อยู่ที่ความเข้าใจในคุณค่า ความตั้งใจในการเลือก และความรู้สึกเมื่อสวมใส่